พิชิตบัตรทอง Star Alliance ด้วยงบที่น้อยที่สุด - Mileage Pro

เพราะชีวิตคือไมล์เดินทาง

Breaking

พิชิตบัตรทอง Star Alliance ด้วยงบที่น้อยที่สุด

ทำบัตรทอง Star Alliance ด้วยงบที่น้อยที่สุด


อย่างที่ทุกๆคนรู้กันอยู่ว่าการจะได้ขึ้นเป็นสมาชิกบัตรทองของสายการบินนั้น จะต้องเก็บไมล์ที่มาจากการบินเท่านั้น ที่เรียกกันว่า Tier Miles โดยหลายๆสายการบินจะมีเกณฑ์การพิจารณาบัตรทองที่ต่างกัน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 ไมล์ต่อรอบปี ซึ่งถ้าเทียบระยะทางบินแล้ว เท่ากับประมาณบินจากไทยไปกลับอเมริกาถึง 3 รอบเลยทีเดียว และยังถูกจำกัดด้วยเรื่องของ คลาสตั๋วที่จะนำมาคำนวณว่าได้ไมล์กี่ % ต่อระยะทางบิน เช่น ตั๋วโปรโมชั่นอาจจะเก็บไมล์ได้เพียง 25% หรือ 50% และบางตั๋วอาจจะไม่ได้ไมล์เลยก็ตาม เรียกว่ากว่าจะได้บัตรทองของสายการบินนั้น อาจจะต้องใช้เงินถึง 150,000 – 300,000 บาทเลยทีเดียว

ในบทความนี้จะมานำเสนอทางเลือกที่จะทำสถานะบัตรทองของค่าย Star Alliance ด้วยงบที่ถูกที่สุดครับ โดยเราจะใช้เกณฑ์การวัดดังนี้
- ราคาตั๋ว(รวมภาษีทั้งหมดแล้ว) หาร จำนวนไมล์ที่ได้รับ
- หน่วย บาท/ไมล์
- ยิ่งน้อยยิ่งดี (คุ้ม)
(สำหรับสิทธิประโยชน์ของบัตรทองผมขอแยกไว้ในบนความอื่นนะครับ)


กลุ่มพันธมิตร Star Alliance
*ภาพแสดง สมาชิกในเครือ Star Alliance

1) เลือกโปรแกรมสะสมไมล์


โปรแกรมสะสมไมล์ที่ผมจะมาแนะนำในบทความนี้คือ Miles & Bonus ของสายการบิน Aegean Airlines จากประเทศกรีซครับ โดยสาเหตุที่เลือกโปรแกรมนี้หลักๆเพราะว่าเค้ามีอัตราการให้ไมล์ที่สูงกว่า และเกณฑ์การต่อบัตรทองที่ไม่ยากจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะต้องทำสถานะปีต่อปี แต่ถ้าคำนวณจากเงินที่จะต้องบินต่อปีแล้ว ถือว่าไม่แพงเท่าไร เมื่อเทียบกับค่ายอื่นๆ

ก่อนอื่นเรามาดูเรื่องอัตราการสะสมไมล์ของโปรแกรม Miles & Bonus เมื่อเทียบกับ Royal Orchid Plus ของการบินไทยครับ

ตารางสะสมไมล์ All Nippon Airways

จากรูปด้านบนถ้าเราบินกับ ANA สมมุติว่าตั๋วเฟิร์สคลาส Sub Class A ถ้าเลือกสะสมกับ ROP จะได้ไมล์ 150% ในขณะที่ถ้าสะสม M&B จะได้ไมล์ถึง 300% ซึ่งต่างกันถึงเท่าตัวเลยครับ หรือจะเป็น Class S สะสมกับ ROP จะได้ไมล์ 50% ในขณะที่ถ้าสะสม M&B จะได้ไมล์ถึง 100% ครับ

2) ศึกษาเรื่องคราสตั๋ว

อัตราสะสมไมล์บิน ANA Class L


จากรูปด้านบนเป็นตั๋วอย่างตั๋วจากไทยไปญี่ปุ่น โดยสายการบิน ANA Class L ครับ โดยตั๋วราคาประมาณ 14,960 บาท สะสมไมล์เข้า M&B จะได้ไมล์ 50% อยุ่ที่ 2,850 ไมล์ ในอัตรา 5.25 บาท/ไมล์ ในขณะที่ถ้าสะสม ROP จะได้ไมล์ 30% อยู่ที่ 1,710 ไมล์ หรือตกอัตราได้ไมล์อยู่ที่ 8.75 บาท/ไมล์ จะเห็นว่าถ้าเราจะสมไมล์กับ M&B จะได้ไมล์ที่เยอะกว่าครับ แต่ในกรณีถ้าจะบิน ANA ชั้นประหยัดนั้นผมจะแนะนำให้บิน Class S ครับ ซึ่งจะเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย แต่จะได้รับไมล์ 100% มากกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว ตกได้ไมล์ในอัตรา 2-3 บาท/ไมล์ (สำหรับเทคนิคการซื้อตั่วจะขอแยกไปในบทความอื่นครับ)

สำหรับการดูว่าตั๋วเราบินคลาสไหน ได้ไมล์สะสมค่ายไหน ได้ไมล์เท่าไร ผมขอแนะนำ เว็ปนี้ครับ www.wheretocredit.com โดยเราจะกรอกแค่สายการบินที่จะบิน และคลาสที่จะบิน จากนั้นระบบจะคำนวณมาให้ว่าเราสะสมไมล์โปรแกรมไหนจะได้ไมล์กี่เปอร์เซ็นต์

วิธีการเช็กอัตราการได้ไมล์ด้วย Where to credit


3) วางแผนอัพเกรดสถานะ


ทีนี้ผมขอกลับมาในเรื่องโปรแกรมสะสมไมล์ Miles & Bonus (M&B) ในเรื่องของการทำสถานะบัตรเงิน บัตรทอง และการต่อสถานะบัตร สรุปมาให้ง่ายๆดังรูปนี้ครับ

การอัพเกรดและรักษาสถานะ Aegean Airlines


สรุปเป็นดังนี้
การอัพเกรดบัตรเงิน จะพิจารณาจากการบินในระยะเวลา 12 เดือน ข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
1.1) 12,000 ไมล์จากสายการบินใดก็ได้ใน Star Alliance และ 2 ไฟลต์กับสายการบิน Aegean Air/Olympic Air
1.2) 24,000 ไมล์จากสายการบินใดก็ได้ใน Star Alliance
การอัพเกรดบัตรทอง จะพิจารณาจากการบินในระยะเวลา 12 เดือน หลังจากได้บัตรเงิน ข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
2.1) 24,000 ไมล์จากสายการบินใดก็ได้ใน Star Alliance และ 4 ไฟลต์กับสายการบิน Aegean Air/Olympic Air
2.2) 48,000 ไมล์จากสายการบินใดก็ได้ใน Star Alliance
การรักษาสถานะบัตรทอง จะพิจารณาจากการบินในระยะเวลา 12 เดือน หลังจากรอบอายุบัตรทอง ข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
3.1) 12,000 ไมล์จากสายการบินใดก็ได้ใน Star Alliance และ 4 ไฟลต์กับสายการบิน Aegean Air/Olympic Air
3.2) 24,000 ไมล์จากสายการบินใดก็ได้ใน Star Alliance
โดยจุดที่ยากจะอยู่ที่การได้อัพเกรดจากบัตรเงินเป็นบัตรทองครับ เพราะใช้จำนวนไมล์เยอะพอควร แต่ถ้าได้บัตรทองมาแล้ว การต่อบัตรนั้นไม่ยากอีกต่อไปเพราะบินอีกแค่ 12,000-24,000 ไมล์ต่อปีก็ได้ต่อสถานะเลย ตัวอย่างเช่นบินไปกลับอเมริกาครั้งเดียวต่อปีก็ได้ต่อบัตรทองแล้วครับ

4) ศึกษาโปรแกรมสะสมไมล์

ตารางเปรียบเทียบโปรแกรม ROP และ Miles&Bonus



ตารางเปรียบเทียบโปรแกรมสะสมไมล์ของ Miles & Bonus กับ Royal Orchid Plus
หลักๆแล้วจุดเด่นของ M&B คือไมล์ไม่มีหมดอายุตราบใดที่แอคเคาท์ยังแอคทีฟอยู่ และสามารถแลกตั๋วรางวัลทางออนไลน์กับสายการบินใดใดก็ได้ในเครือ Star Alliance และสามารถแลกไมล์ให้ใครก็ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดครับ

อัตราสะสมไมล์ บิน SAS


5) คราสตั๋วที่ได้ไมล์เรทดีที่สุด

อัตราการสะสมไมล์ ถ้าบินกับสายการบิน SAS มีจุดที่น่าสนใจเป็นอย่างมากคือตั๋ว Class A  ครับ ซึ่งเป็น Premium Economy Class (SAS Plus) ถ้าสะสมไมล์กับ M&B แล้วจะให้ไมล์มากถึง 200% เลยทีเดียว และที่สำคัญราคาตั๋วไม่ได้แพงจนเกินไปครับ ตั๋วอย่างรูปล่างนี้ครับ

อัตราสะสมไมล์ บิน SAS Class A สะสมเข้า A3


เส้นทางบินฮ่องกง ไปกลับยุโรป (มีหลายเส้นทาง) ตั๋วคลาส A ดังตัวอย่างรูปบน ไปกลับ ราคาไม่ถึง 27,000 บาทได้รับไมล์ M&B มากถึง 24,254 ไมล์ (โดยประมาณ) ตกอัตราได้ไมล์ 1.11 บาท/ไมล์ ซึ่งถือว่าถูกมากๆครับ และนั้นหมายความว่าแค่บินไปกลับรอบเดียวก็สามารถได้อัพเกรดเป็นบัตรเงิน(สำหรับคนยังไม่มีสถานะ) หรือ ต่อบัตรทอง (สำหรับคนมีบัตรทองอยู่แล้ว) ถือว่าเป็นเส้นทางบินเก็บไมล์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก และราคานี้ก็มีอยู่เรื่อย ๆ ไม่ได้หายากจนเกินไปครับ


6) วางแผนการเดินทาง


แนะนำรูทบิน
สำหรับคนที่อยากทำสถานะกับโปรแกรม Miles & Bonus ด้วยตั๋ว SAS Class A นี้ผมจะทำตัวอย่างรูทบินให้ดูตามด้านล่างครับ

ตัวอยากการบินทำบัตรทอง แบบที่ 1


ตั๋วอย่างที่ 1
- บินไปกลับฮ่องกง-ยุโรป SAS Class A รวมไปกลับมาแล้วจะได้ไมล์เกิน 24,000 ไมล์ ได้รับอัพเกรดเป็นบัตรเงิน
- บินไปกลับรอบที่สอง ฮ่องกง-ยุโรป SAS Class A และไปบินกับ Aegean Air/Olympic Air อีก 4 เที่ยวบิน เช่น Nice-Athens-Santorini-Athens-Nice ก็จะถึงเกณฑ์ 24,000 ไมล์ และ 4 เที่ยวบิน A3/OA ได้รับอัพเกรดเป็นบัตรทอง
โดยเส้นทางบินนี้จะใช้เงินรวม
- SAS Class A ฮ่องกง-ยุโรป 2 รอบ ประมาณ 54,000 บาท
- Aegean Air/Olympic Air อีก 4 เที่ยวบิน ประมาณ 6,000-12,000 บาท
- ไปกลับกรุงเทพ-ฮ่องกง 1-2 รอบแล้วแต่ว่าจะบินรวดเดียวเลยหรือไม่ ราคาประมาณ 5,500-8,000 บาท

สะสมไมล์รูทไทย-ฮ่องกง


*แนะนำถ้าจะบินจากไทยไปฮ่องกง ด้วยสายการบิน Ethiopian air Class O ได้รับไมล์ 100% หรือประมาณ 2,000 ไมล์ ในราคาประมาณ 5,300-5,500 บาท

ตัวอยากการบินทำบัตรทอง แบบที่ 2


ตั๋วอย่างที่ 2
- บินไปกลับฮ่องกง-ยุโรป SAS Class A โดยขาไป(ฮ่องกง-ยุโรป) + บิน Aegean Air/Olympic Air อีก 2 เที่ยวบิน เช่น Nice-Athens/Athens-Santorini  ได้รับอัพเกรดเป็นบัตรเงิน (ครบ 12,000 ไมล์ และ 2 เที่ยวบิน A3/OA)
- ไปบินกับ Aegean Air/Olympic Air อีก 4 เที่ยวบิน เช่น Santorini-Athens/Athens-Mykonos/Mykonos-Athens/Athens-Nice และบินกลับฮ่องกงด้วยตั๋วที่เหลือ(ขากลับ)
- บินอื่นๆใน Star Alliance อีกเพียง 12,000 ไมล์ (เช่นไปกลับกรุงเทพ-นารีตะ สองรอบ) ก็จะถึงเกณฑ์ 24,000 ไมล์ และ 4 เที่ยวบิน A3/OA ได้รับอัพเกรดเป็นบัตรทอง
โดยเส้นทางบินนี้จะใช้เงินรวม
- SAS Class A ฮ่องกง-ยุโรป 1 รอบ ประมาณ 27,000 บาท
- Aegean Air/Olympic Air อีก 6 เที่ยวบิน ประมาณ 9,000-18,000 บาท
- ตั๋วอื่นๆ อีก 12,000 ไมล์ เช่นไปกลับกรุงเทพ-นารีตะ ANA Class S 2 รอบ ราคาประมาณ 30,000 บาท


"ขอย้ำอีกรอบ อาจจะดูเหมือนยากในการได้บัตรทองมา แต่เมื่อได้บัตรมาแล้ว มีอายุ 1 ปี รอบต่อไปถ้าจะต่อ ใช้เกณฑ์เหมือนทำบัตรเงิน เพียงบิน 12,000-24,000 ไมล์ต่อปีก็จะได้รับต่อสถานะบัตรครับ"

การต่อบัตรทอง Aegean Airlines

7) ต่อสถานะบัตรทอง

"*ต่อสถานะบัตรทอง เช่นถ้าบินรูทเดิม ฮ่องกง-ยุโรป SAS Class A ไปกลับครั้งเดียวก็ได้ต่อบัตรเลยครับ"

การบินไทยชั้น First Class
ภาพจากเวปการบินไทย


8) แลกไมล์

หลังจากบินทำบัตรทองมา ตามตัวอย่าง 1) เราจะได้ไมล์มาไม่ต่ำกว่า 48,000 ไมล์ ซึ่งนำไปแลกการบินไทย เฟริสคลาส วันเวย์ไปญี่ปุ่นได้ หรือตามตัวอย่าง 2) เราจะได้ไมล์มาไม่ต่ำกว่า 36,000 ไมล์ ซึ่งนำไปแลกการบินไทย บิสิเนสคลาส วันเวย์ไปญี่ปุ่นได้ครับ

อัตราแลกไมล์ ไทย
ญี่ปุ่น,เกาหลี
One-Way
Economy 17500 Miles
Business 32500 Miles
First 45000 Miles

เพื่อนๆมีความเห็นหรือมีคำถามอะไร พิมพ์คอมเมนต์ลงมาได้ครับ ถ้ามีเวลาจะมาตอบให้ครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น